สถิติผู้เข้าชม
 ขณะนี้มีผู้เข้าใช้ 4
 ผู้เข้าชมในวันนี้ 481
 ผู้เข้าชมทั้งหมด 12,947,617
26 เมษายน 2567
อา จ. อ. พ. พฤ ศ. ส.
 
10  11  12  13 
14  15  16  17  18  19  20 
21  22  23  24  25  26  27 
28  29  30         
             




               
  เกร็ดความรู้
เครื่องสตาร์ตไม่ติด - ต้องบอกช่างละเอียดกว่านี้
[13 มกราคม 2554 15:54 น.]จำนวนผู้เข้าชม 3599 คน

เมื่อเครื่องของรถมีปัญหา เครื่องสตาร์ตไม่ติด หลายคนนึกว่าบอกแค่นี้พอ ทั้งที่จำเป็นต้องมีการสื่อสารเพื่อบอกช่างหรือขอความช่วยเหลือที่ละเอียดกว่านี้ เพราะแค่บอกว่าเครื่องสตาร์ตไม่ติด จะไม่สามารถสื่อถึงอาการของปัญหาที่แท้จริงได้
      
       ++ ไม่ใช่ช่าง จึงไม่รู้เรื่องกลไก++
      
       เจ้าของรถหรือผู้ขับส่วนใหญ่ ไม่มีความรู้เรื่องกลไกในรถ หรือรู้ก็แค่งูๆ ปลาๆ รู้ตัวดีว่าไม่ใช่ช่าง เมื่อรถเกิดปัญหาหรือเสียก็หัวเสียพออยู่แล้ว คิดแต่เพียงว่าจะขอความช่วยเหลือจากใคร และเมื่อเจอใครที่พอลุ้นว่าจะช่วยได้ ก็จะรีบบอกอาการของปัญหาสั้นๆ ว่า เครื่องสตาร์ตไม่ติด โดยไม่บอกถึงรายละเอียดว่าเครื่องไม่ติดแบบไหน เพราะรู้ว่าตัวเองไม่ใช่ช่าง จะไปรู้อะไรละเอียดได้อย่างไร ถ้ารู้มากก็คงซ่อมเองไปแล้ว
      
       ในความเป็นจริง เมื่อรถเสีย ควรพยายามดูและบอกถึงอาการของปัญหาที่เกิดขึ้นให้ละเอียดที่สุด เพื่อให้ช่างหรือใครที่จะช่วย สามารถวิเคราะห์ถึงปัญหาตีวงแคบเข้ามาได้ การบอกถึงอาการเสียอย่างละเอียด เป็นสิ่งที่ใครๆ ก็ทำได้ เพราะไม่ใช่เป็นการพยายามแก้ไขปัญหาที่ตนเองไม่ถนัด
++ เครื่องสตาร์ตไม่ติด มีหลายอาการแตกต่างกัน++
      
       แม้คำว่าเครื่องสตาร์ตไม่ติด ดูเหมือนจะมีอาการเดียว คือ เมื่อบิดกุญแจแล้ว เครื่องไม่ทำงานตามปกติ ไม่สามารถขับรถออกไปได้ในความเป็นจริง เครื่องสตาร์ตไม่ติด มีหลายอาการที่อาจเกิดขึ้นได้ คือ
      
       1. บิดกุญแจแล้วเครื่องไม่หมุน มีเสียงดังแชะๆ หรือไม่ดังเลย
       2. บิดกุญแจแล้วเครื่องหมุนอืดๆ ช้ากว่าปกติ แล้วก็ไม่ยอมทำงานเอง หมุนได้อืดๆ จากแรงของไดสตาร์ตเมื่อบิดกุญแจค้างอยู่เท่านั้น
       3. บิดกุญแจแล้วเครื่องหมุนเร็วตามปกติด้วยแรงของไดสตาร์ต แต่ไม่หมุนเอง ปล่อยกุญแจแล้วก็หยุดหมุน
      
       แต่ละอาการของปัญหา มีต้นเหตุและวิธีแก้ไข รวมถึงความยากง่ายในการแก้ไขแตกต่างกัน
 
++ บิดกุญแจแล้วเครื่องไม่หมุนเลย หรือแค่ดังแชะๆ++
      
       มีโอกาสเป็นปัญหาที่แบตเตอรีหรือไดสตาร์ต มักไม่ใช่ปัญหาที่ตัวเครื่องตรวจสอบไฟในแบต
       เตอรีได้คร่าวๆ โดยเปิดไฟหน้าหรือบีบแตรดูอาการว่าปกติหรือไม่ แบตฯ อาจอ่อนจนเกือบหมด ทำให้หมุนไดตาร์ตไม่ไหว ได้แค่กระตุ้นตัวโซลินอยด์เบาๆ แต่หมุนไม่ไหว จึงมีแค่เสียงแชะๆ หากแบตเตอรีมีไฟ ไดสตาร์ตอาจเสีย มีทั้งแบบเสียเลย ต้องถอดไดสตาร์ตออกซ่อม หรือแค่สกปรกภายใน ลองหาอะไรเคาะที่ตัวไดสตาร์ตก่อน ถ้าแค่สกปรกก็อาจทำงานได้ แต่ต้องถอดเพื่อตรวจสอบในภายหลัง แต่ถ้าเคาะและยังไม่ทำงาน ก็ต้องถอดซ่อม อาการเสียแบบนี้ ถ้าเป็นระบบเกียร์ธรรมดา สามารถเข็นและเข้าเกียร์ 2 ถอนคลัตช์ กระตุกติดเครื่องได้
      
       ถ้าแบตเตอรีไฟอ่อนหรือหมด ปัญหาอยู่ที่แบตฯีเสื่อมเก็บไฟไม่อยู่ หรือไดชาร์จไม่ปกติ สามารถพ่วงแบตฯ จากภายนอก เพื่อสตาร์ตเครื่องให้ติดได้ เมื่อเครื่องทำงานแล้ว ให้ดูไฟรูปแบตเตอรีที่หน้าปัดว่าสว่างหรือเรื่อๆ หรือไม่ ถ้ามี แสดงว่าระบบไดชาร์จไม่ปกติ ใช้แต่ไฟจากแบตฯ จนอ่อนลงเรื่อยๆ เมื่อไรที่ไฟไม่พอสำหรับอุปกรณ์สำคัญ เครื่องก็จะดับแต่ถ้าไฟรูปแบตเตอรีมืด แสดงว่าการชาร์จไฟปกติ ถึงแบตฯ จะเสื่อม แต่ถ้าไม่ทำให้เครื่องดับ ก็สามารถขับไปได้เรื่อยๆ
  ++บิดกุญแจแล้วเครื่องหมุนอืดๆ ไม่ยอมทำงานเอง++
      
       พอจะได้ยินเสียงไดสตาร์ตและการหมุนของเครื่อง แต่เป็นการหมุนช้าๆ อืดๆอาการนี้มักจะมีปัญหามาจากแบตเตอรีไฟอ่อน ทั้งแบตฯ เสื่อม หรือไดชาร์จไม่ปกติ ไม่ใช่ปัญหาหาที่ตัวเครื่องอาการเสียแบบนี้ถ้าเป็นระบบเกียร์ธรรมดา สามารถเข็นและเข้าเกียร์ 2 ถอนคลัตช์ กระตุกติดเครื่องได้ หรือถ้าเป็นเกียร์อัตโนมัติก็สามารถพ่วงแบตเตอรีจากภายนอก เพื่อสตาร์ตเครื่องให้ติดได้
      
       เมื่อเครื่องทำงานแล้ว ให้ดูไฟรูปแบตเตอรีที่หน้าปัด ว่าสว่างหรือเรื่อๆ หรือไม่ ถ้ามี แสดงว่าระบบไดชาร์จไม่ปกติ ใช้แต่ไฟจากแบตฯ ีจนอ่อนลงเรื่อยๆ ไม่นานเครื่องก็๋จะดับ ถ้าจะขับให้ได้ไกลหน่อย ก็ต้องหาแบตที่มีไฟมากๆ มาใส่หรือพ่วงไว้แต่ถ้าไฟรูปแบตเตอรีไม่สว่าง แสดงว่าการชาร์จไฟปกติ ถึงแบตฯ จะเสื่อม แต่ถ้าไม่ทำให้เครื่องดับ ก็สามารถขับไปได้เรื่อยๆ
 
  
 
 
       ++ บิดกุญแจแล้วเครื่องหมุนเร็วด้วยไดสตาร์ต แต่เครื่องไม่ทำงานเอง++
      
       อาการนี้หลายคนเข้าใจผิดว่า แบตเตอรีเสียหรือไดสตาร์ตเสีย เตรียมหาแบตฯ มาพ่วง ทั้งที่ความจริง แบตฯ และไดสตาร์ตเป็นปกติ เพราะเมื่อบิดกุญแจแล้ว เครื่องหมุนได้เร็วด้วยไดสตาร์ต แต่เครื่องไม่สามารถทำงานได้เอง เมื่อปล่อยการบิดกุญแจเครื่องก็หยุดหมุนปัญหาอยู่ที่ตัวเครื่อง เพราะแบตฯและไดสตาร์ตปกติดี ไม่ต้องเข้นกระตุกหรือหาแบตฯมาพ่วง ให้ตรวจสอบที่ตัวเครื่องยนต์ เช่น มีไฟมีเลี้ยงระบบหรือไม่ ปั๊มส่งน้ำมันเชื้อเพลิงทำงานดีหรือเปล่า ฯลฯ โดยต้องตรวจสอบระบบต่างๆ ของเครื่องเพื่อหาปัญหาที่แท้จริงอาการนี้ มีแนวโน้มจะซ่อมในพื้นที่ซึ่งรถจอดเสียได้ยากกว่า 2 อาการแรก ที่ถ้าทำให้เครื่องหมุนได้เครื่องก็ทำงานเองได้ และสามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าแบบชั่วคราวได้ง่าย
      
       แค่กระตุกรถหรือพ่วงแบตเตอรีก็น่าจะไปได้เครื่องหมุนจี๋ด้วยไดสตาร์ต แต่เครื่องไม่ทำงานเอง เป็นปัญหาที่เครื่อง ไม่เกี่ยวกับไดสตาร์ตและแบตฯ หลายกรณีที่พบ อาจไม่สามารถซ่อมบริเวณที่รถจอดอยู่ได้อย่างสะดวก ต้องยกหรือลากรถไปซ่อมต่อไป
      
       ++ อาการเครื่องไม่ติด ตั้งสติค่อยๆ ดูว่าอาการจริงเป็นเช่นไร เพื่อบอกช่างหรือคนที่มาช่วยได้ละเอียด เพราะอาจไม่ใช่ปัญหาจากแบตหรือไดสตาร์ตผิดปกติเสมอไป ++




      
เกร็ดความรู้
- เมื่อขับรถตกน้ำควรทำอย่างไรดี [13 มกราคม 2554 15:54 น.]
- อายุของยาง…เป็นเพียงตัวเลขหรือความเชื่อ? [13 มกราคม 2554 15:54 น.]
- ซื้อรถมือสองอย่างไรไม่ให้โดนย้อมแมว [13 มกราคม 2554 15:54 น.]
- 32 สุดยอดเทคนิคสำหรับผู้ใช้รถ [13 มกราคม 2554 15:54 น.]
- ติดสปอยเลอร์โก้เก๋ดีอย่างไร [13 มกราคม 2554 15:54 น.]
- อบอุ่นร่างกายให้กับรถยนต์ด้วยการ “วอร์มเบต” [13 มกราคม 2554 15:54 น.]
- รถป้ายแดง ต้องปฏิบัติตัวอย่างไร [13 มกราคม 2554 15:54 น.]
- มือใหม่หัดขับต้องทำอย่างไร [13 มกราคม 2554 15:54 น.]
- ออกรถใหม่ วันรับรถต้องเช็คอะไร [13 มกราคม 2554 15:54 น.]
- การกระตุกตัวถัง [13 มกราคม 2554 15:54 น.]
ดูทั้งหมด

  แสดงความคิดเห็น

ตัวหนา ตัวเอียง ตัวขีดเส้นใต้ ตัวขีดกลาง ชิดซ้าย กึ่งกลาง ชิดขวา รูปภาพ ลิ้งก์ ขนาดต้วอักษร สีต้วอักษร

ชื่อ: *
E-mail : *
ไม่ต้องการแสดง Email
รหัสตรวจสอบ : Security Image
* กรุณากรอกรหัสที่อยู่ในรูป

Copyright © 2008 All Rights Reserved.by
thaiwebber.com